รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
เรื่องความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่ง สองปี ที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาล และเป็นผู้บริหารจัดการ ในการดับไฟใต้ ผ่าน กองทัพ และ หน่วยงานความมั่นคง สถานการณ์ ความรุนแรง ใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยลดลง ในสมัยที่ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กลับพุ่งสูงขึ้น ตลอดเวลา สองปี ที่ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเคยควบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม แสดงให้เห็นว่า ภูมิธรรม เวชยชัย ขาดความเข้าใจ กับปัญหาของไฟใต้ ดังนั้นไม่ว่าจะนั่งในตำแหน่งไหน ก็ไม่สามารถทำให้ไฟใต้ ลดความรุนแรงลง
ล่าสุด ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ใช้ให้กองกำลังติดอาวุธ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำการวางระเบิด วางเพลิง ผู้ประกอบอุตสาหกรรม และผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อทำลายการลงทุนการสร้างอุตสาหกรรม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นการวางเพลิง วางระเบิด ต่อโรงไฟฟ้าชีวมวล ใน อ.แว้ง จ.นราธิวาส การวางเพลิง วางระเบิด ต่อ บริษัทเหมืองแร่เอเชีย ใน ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส การเผาทำลายเครื่องจักรกล ของบริษัทผู้รับเหมา ในการก่อสร้างแหล่งน้ำของชลประทาน ในพื้นที่ ต.ปล่องหอย อ.กระพ้อ จ.ปัตตานี ควบคุมกับการใช้คาร์บอมบ์ ถล่มชุดคุ้มครองตำบลศาลาใหม่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ปรากฏว่าเหตุการณ์ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรัฐบาล ไม่มีท่าที่ ที่จะ รับรู้ และป้องกันยังปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่มีการป้องกัน แบบเหวี่ยงแห เพราะงานการข่าว ไม่สามารถ ที่จะระบุได้ชัดว่าเป้าหมาย ในการก่อการร้าย ของ กองกำลังติดอาวุธ อยู่ในพื้นที่ไหน
วันนี้ เจ้าของโรงงานบริษัทผู้รับเหมา และกิจการ ต่างๆ ในพื้นที่ของปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส ต่างหวาดผวา เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นเหยื่อ ของกองกำลังติดอาวุธ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น วันไหน ที่สำคัญ การก่อเหตุ ในการวางเพลิงเผารถบรรทุกและเครื่องจักรกล และการทำลายบ้านพักคนงาน ทั้งหมด ของบริษัทเหมืองแร่เอเชีย ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เป็นปฏิบัติการ ในเวลากลางวัน แสดงให้เห็นว่า กองกำลังติดอาวุธ ไม่ได้เกรงกลัว เจ้าหน้าที่รัฐ เพระงานการข่าว ของเขาแม่นยำ ว่าในห้วงเวลานั้น ไม่มีกำลังเจ้าหน้า ในพื้นที่ และเขามีแนวร่วม ที่อยู่ในพื้นที่ให้การสนับสนุน และทั้ง 4 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ใน ห้วงเวลา ที่ติดกัน วันนี้ เจ้าหน้าที่ ก็ยังจับกุม ใครเป็นผู้ต้องหาไม่ได้
ที่สำคัญ ซึ่งข่าววงใน ด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ก่อการร้าย ต่อ ผู้ลงทุนทั้ง 3 ราย มาจากการเรียกค่าคุ้มครอง โดย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และมีผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ร่วมอยู่ด้วย หลังการเจรจาต่อรอง เรื่องจำนวนเงิน ไม่สำเร็จ จึงมีการใช้กองกำลังติดอาวุธ ของบีอาร์เอ็น เข้ามาวางระเบิด วางเพลิง เรื่องเจ้าหน้าที่ท้องที่ ท้องถิ่น ที่เป็น แนวร่วม ของบีอาร์เอ็น เป็นหน้าที่โดยตรงของนายอำเภอ และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิด เพราะเป็นผู้ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ของฝ่ายปกครอง ซึ่งภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะของ รัฐมนตรีมหาดไทย ต้องเร่ง ดำเนินการ กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ นายอำเภอ กับผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องไม่ลอยตัว อยู่เหนือปัญหา ที่เกิดขึ้น การที่จะทำให้การดับไฟใต้ ได้ผลนั่น ต้องมีการให้คุณ และให้โทษ กับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ด้วย
นี่ก็ร้องกันมาไม่หยุด ว่าถนนสายกาญจนวานิช ช่วง แยกคลองหวะ อ.หาดใหญ่ มาจนถึง อ.สะเดา จ.สงขลา มีบรรดารถสิบล้อ รถพ่วง รถใหญ่ แม้แต่รถทัวร์ บางคัน วิ่งเลนขวาตลอด โดยที่เจ้าหน้าที่มองไม่เห็น ทั้ง จนท.ขนส่ง และ ตำรวจ แต่พอตำรวจท้องที่และตำรวจทางหลวง ตั้งด่านลอย ก็จับแต่รถขาดต่อทะเบียน ไม่มีใบขับขี่ แทนที่จะจับสินค้าเถื่อน น้ำมันเถื่อน ที่ขนกันวันๆไม่รู้กี่เที่ยว และกวดขัน รถใหญ่ๆวิ่งเลนขวา ผู้ใหญ่ของสีกากี ควรส่งนายตำรวจมือดีลงมาตรวจสอบดูเท็จจริงอย่างไร
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์