รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับความมั่นคง ของประเทศชาติ เมื่อมีโรงเรียนตาดีกาบางแห่ง ใน จ.ปัตตานี จัดงานตาดีกาสัมพันธ์ และมีการนำเอาภาพของคนร้าย ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม ในข้อหาแบ่งแยกดินแดน มาแสดงความรำลึก ในฐานะของวีรบุรุษที่ควรยกย่อง นี่เป็นเรื่องที่บิดเบี้ยว ทางการศึกษาและสังคม ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคง ที่กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ส่วนราชการอื่นๆ ที่รับผิดชอบโรงเรียนตาดีกา ต้องเข้าไปตรวจสอบ ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง ว่ามีอะไรที่ซ่อนเร้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้จัด และผู้บริหารโรงเรียนตาดีกา จะไม่รู้และไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เรื่องที่เกิดขึ้นกำลังเป็นประเด็นร้อน และสะเทือน ถึง โรงเรียนตาดีกา ทั้งหมดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นี่คือการจุดพลุ ที่ บีอาร์เอ็น ต้องการให้ฝ่ายความมั่นคง กลับมาหวาดระแวง ต่อการบริหารของโรงเรียนตาดีกา อีกครั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2547 เรื่องนี้ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ต้องดำเนินการให้รอบคอบนิ้วไหนร้ายต้องตัดนิ้วนั้น ที่สำคัญและต้องตำหนิ การนำเอาคนตาย ที่เป็นคนร้าย ในข้อหาแบ่งแยกดินแดน มา สดุดีเป็นวีรชนผู้ทำอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นบีอาร์เอ็นหรือใครก็ตาม โหดร้ายมากที่นำเอาเด็กๆ ที่เป็นเสมือนผ้าขาวให้แปดเปื้อนและ นี่คือการปลูกฝัง อุดมการณ์ในการแบ่งแยกดินแดนในรูปแบบใหม่ ที่ ฝ่ายความมั่นคงต้องรู้เท่าทัน และป้องกัน อย่าให้ลุกลามไปทุกพื้นที่
เรื่องนี้ อาจจะเป็นการเชื่อมต่อจากเรื่องของขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ ที่มีการโยนหินถามทาง เรื่องการแบ่งแยกดินแดน ด้วยการจัดเสวนา และทำการจำลองการทำประชามติในการแบ่งแยกดินแดนเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งจัดขึ้นที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการแจ้งความเพื่อเอาผิดทางกฎหมาย ทั้งกับผู้นำนักศึกษาและผู้นำภาคประชาสังคมไปแล้วจำนวน 5 คน ซึ่ง ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ได้ เรียกตัวนักศึกษาจำนวน 7 คน ที่อยู่ใน เหตุการณ์มาทำการ สอบสวน เพื่อให้เป็นพยาน และอาจจะมีหมายเรียก ผู้ถูกแจ้งความ จาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าผลการสอบสวนเข้าองค์ประกอบของกฎหมาย ซึ่งก็ต้องติดตามว่า หากมีการออกหมายเรียก ผู้ที่ถูก แจ้งความ ให้มารับทราบข้อกล่าวหา จะมีการเคลื่อนไหว อย่างไรจากปีกทางการเมืองของบีอาร์เอ็น และจะมีการตอบโต้ด้วยความรุนแรง จากกองกำลังติดอาวุธ หรืออาร์เคเคหรือไม่ ที่สำคัญ คือประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้รับเคราะห์ จาก สถานการณ์ความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นหรือไม่ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะป้องกันอย่างไร
มีการประชุมร่วมระหว่าง ป.ป.ช.สงขลา และสำนักงานทางหลวงที่ 18 จ.สงขลา เพื่อร่วมกันในการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่ง โดยข้อเท็จจริงเป็นหน้าที่โดยตรงของตำรวจทางหลวงและ ขนส่งจังหวัด แต่ถ้าสำนักงานทางหลวงที่ 18 กับ ป.ป.ช. จะมาร่วมแจมด้วย ก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ค่าปรับเพิ่มขึ้น….แต่ไม่ได้ป้องกัน ถนนพัง เพราะการบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะถ้าการบรรทุกน้ำหนักเกิน เป็นเหตุให้ถนนพัง ถนนทุกสายของประเทศไทย คงจะพังหมดแล้ว เพราะรถบรรทุกส่วนใหญ่ บรรทุกเกินทั้งนั้น แต่ที่ถนนพัง เป็นเพราะมีการทุจริต จากการก่อสร้าง และมีเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมด้วยในการตรวจสอบ และการตรวจรับ การสร้างถนนที่ไม่โปร่งใส และมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์