รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น
วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 คือวันนี้ที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้เป็นวันประชุมสภาฯ เพื่อลงคะแนนเสียง เลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ซึ่งเพื่อไทย จะเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจาก คอลัมน์ข่าวสังคมภูมิภาค เขียนต้นฉบับล่วงหน้า จึงไม่สามารถคาดเดา ได้ว่าในวันที่ 4 ส.ค. นี้ คนไทย จะมี นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ได้หรือไม่ และเศรษฐา ทวีสิน จะได้รับการโหวต ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และหากไม่ได้รับการโหวต ก็แสดงว่าการเมืองไทย ยังจะมีขวากหนาม ในการสกัดกั้น เพื่อมิให้ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ได้เป็นผู้บริหารประเทศ แต่ก็ได้แต่คิดเข้าข้างคนไทยทั้งประเทศว่า เราจะได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เป็นเศรษฐา ทวีสิน ถามว่าทำไมต้องเป็นเศรษฐา เพราะประเทศไทยวันนี้บอบช้ำ ในเรื่องของเศรษฐกิจ และปากท้อง อย่างแสนสาหัส ทั้งจากเรื่องของโควิด-19 ที่ทำให้ ประเทศไทย และทั่วโลก ต้องตกหลุมตกร่องเกือบ 3 ปี ทั้งจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเรื่องของเศรษฐกิจและปากท้อง เป็นเวลา 9 ปี วันนี้ ประเทศไทย ไม่ต้องการนักการทหาร มาบริหารประเทศ เพื่อให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงของชาติ เพียงอย่างเดียวแต่ประเทศไทย และคนไทย ต้องการ ผู้นำที่มีความรู้ความเข้าใจ และความสามารถในการแก้ปัญหาของแพง-พลังงานแพง และผลผลิตของเกษตรกร มีราคาที่ถูกลง และต้องการให้มีผู้รู้ ผู้ที่มีฝีมือ มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ ตกต่ำ และซบเซา ทั้งเรื่องของการส่งออก ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินติดต่อกันมา 5 เดือนแล้วและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยต่ำกว่าเป้า นี่คือปัญหาแรกๆ ที่เพื่อไทย ต้องแก้ไข หากได้เป็นรัฐบาล
ซึ่งหากเคยฟังนโยบายการหาเสียง ของทั้ง อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย ที่ได้หาเสียงไว้กับ ประชาชน ถ้าทำได้ตามนโยบาย เพียง 50% เชื่อว่า ปัญหาปากท้อง และเศรษฐกิจ จะแก้ไขให้ดีขึ้นได้แน่นอน
แต่นั้นแหละ เมื่อ รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสม ต้องมีการแบ่งกระทรวง ต่างๆ ให้กับ พรรคที่เข้าร่วมรัฐบาล ก็ยังไม่ทราบว่าหน้าตา ของรัฐบาลชุดนี้ หลังมีการผสมพันธุ์ กันเสร็จแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร และเพื่อไทย จะ ขับเคลื่อน นโยบาย ที่หาเสียง ไว้กับประชาชน ได้มากน้อยขนาดไหน เพราะตัวอย่างของพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำ ในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาและเชิญ บุคคลภายนอกอย่าง บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศมา 4 ปี แต่ไม่ได้ทำตามนโนยายที่หาเสียงกับประชาชนไว้แม้แต่เรื่องเดียว
นี่คือบทเรียนของรัฐบาลผสม
แค่เงื่อนไข ที่ ประชาธิปัตย์ ขอเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย โดยมีเงื่อนไข เข้าร่วมรัฐบาล เพียง 16 เสียง ในฟากของเฉลิมชัย ศรีอ่อน และ เดชอิศม์ขาวทอง เลขาธิการพรรค โดยไม่มีซีกของชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เข้าร่วมด้วย ก็ดูไม่จืดแล้ว รวมทั้งการขอตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นค่าตอบแทน ซึ่งเป็นกระทรวงที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ ในการแก้ปัญหาผลผลิต และแหล่งน้ำ ให้กับภาคเกษตรกร ที่ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เคยนั่งเป็นเสนาบดี ก็เห็นภาพของผลประโยชน์ที่กำลังจะมาก่อความทุกข์ยากและความเดือดร้อน ของประชาชน แล้ว นั่นเอง
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา