วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 31 สิงหาคม 2566

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม  ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

 

ชาวจังหวัดสงขลาเห็นประกาศิตของ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาที่สั่งให้นายอำเภอ ทุกอำเภอไม่อนุญาตให้งานสวนสนุกและงานอื่นๆ มีการพนันปาโป่ง ยิงเป้า บิงโก้และการหยิบสลาก ปรากฏว่า ไม่ว่างานกิ่ง กาชาด งานสวนสนุกหรือ งานอื่นๆ ไม่มีการอนุญาตให้เล่นการพนันประเภท 5เด็ดขาด ชาวสงขลา ฝากชมมา

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลายังไม่ได้สั่งให้ นายอำเภอหาดใหญ่  ให้ตรวจสอบเขตพื้นที่ คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ยังคงมีสถานบันเทิงที่ผิดกฎหมายเฉพาะในย่านธรรมนูญวิถี และมีอีกหลายสิบแห่ง ที่เป็นในลักษณะเดียวกัน คือใบอนุญาตผิดประเภท และเปิดเกินเวลา ที่สำคัญ บางแห่ง ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนและใกล้วัดทุกวันนี้ก็ยังเปิดให้บริการอยู่ ไม่ทราบว่าท่านนายอำเภอหาดใหญ่ ต้องให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มีคำสั่งก่อน ถึงจะเดินเครื่องตรวจสอบใบอนุญาตผิดประเภท ที่ทำเป็นผับที่มีนักร้องดนตรีและพนักงานบริการ และเปิดเกินเวลา ส่วน พ.ต.อ.บัญฑูร เทพสุวรรณเป็น ผกก. ต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการก่อนถึงจะออกตรวจสอบ สถานบันเทิงที่บางแห่งมีการปล่อยให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปใช้บริการ แถมบางแห่งปล่อยให้มีการอัพยาเสพติดด้วย  งานนี้ถ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มีคำสั่งให้ นายอำเภอทุกอำเภอออกเข้มงวด ตรวจสอบสถานบันเทิงน่าจะดีครับ

 

ในที่สุด ประเทศไทยและประชาชนคนไทยก็ได้รัฐบาลที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นการก้าวข้าม โดยทิ้งปัญหาความขัดแย้งเอาไว้อย่างเดิม โดยที่ยังไม่ได้แก้แต่อย่างใด คำว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง ที่นักเลือกตั้ง ที่เรียกตนเองว่านักการเมืองประดิดประดอย ขึ้นมา เพื่อให้ดูดี ก็เท่านั้น

 

วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรีฝึกงานที่ชื่อ เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จในด้าน“อสังหาริมทรัพย์” ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผู้ประสบความสำเร็จในด้านอสังหาริมทรัพย์จะเป็นผู้ที่เก่งกาจ ในเรื่องการบริหารประเทศเพราะเป็นลักษณะงานที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้มาจาก 11 พรรคการเมือง ที่เสนาบดี ที่ถูกแต่ละพรรควางตัวให้เป็นเจ้ากระทรวง ส่วนหนึ่งเป็นนักการเมืองเขี้ยวลากดิน และส่วนหนึ่งเป็นมือใหม่หัดขับไม่แตกต่างกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ที่ ไม่เคยผ่านงานการเมือง แม้แต่กระผีกริ้น

 

เช่นเดียวกับ 9 ปีก่อนที่ประเทศไทยได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชามาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง และใช้เวลาฝึกงานแบบมะงุมมะงาหรา อยู่นานมาก จนเป็นที่มาของการสร้างความถดถอย ให้กับ ประเทศชาติ และประชาชน นี่คือสภาพที่แท้จริงของรัฐบาล ที่ แม้ว่าครม.จะมีรายชื่อ  รมต.ที่ลงตัว แล้วทุกพรรค แต่ก็ยังไม่สามารถคาดหวังได้ว่า จะสามารถขับเคลื่อน เรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง ให้เป็นไปตามความคาดหวัง ของคนในชาติ

 

แต่ เอาเถอะ อย่างไรเสีย ก็อย่าเพิ่งติเรือทั้งโกลน  คงต้องให้เวลากับครม.ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ      เศรษฐา ทวีสิน และทีมงานมันสมองของพรรคเพื่อไทยในการนำพาประเทศไทย ไปข้างหน้า เพราะ วันนี้ เพื่อไทย ได้ทำการทุ่มหมดหน้าตัก และไม่เหลือทุนรอนทางสังคมแม้แต่นิดเดียว ถ้าเพื่อไทย ไม่สามารถนำพา นำประเทศไปสู่การอยู่ดีกินดี ของประชาชน อนาคตของเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้ง ในครั้งหน้า ก็จะเหลือเป็นศูนย์

 

ดูรายชื่อ เสนาบดี กระทรวงสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ-ปากท้อง ของประชาชน อย่าง กระทรวงพลังงาน ที่มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็น เสนาบดี ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อมา แก้ปัญหาราคาพลังงาน ที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง ก็ต้องดูว่าจะมี นโยบาย อย่างไร ในการทำราคาพลังงาน ทุกชนิด ถูกลง เพื่อลดภาระของอุตสาหกรรมและรายจ่ายในครัวเรือน ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและประชาชน ที่วันนี้รอไม่ได้อีกแล้ว เพราะน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ที่เป็นหัวใจของคนทำงาน ขึ้นราคาทะลุลิตรละ 40 บาทเศษ ไปแล้ว ฯพณฯ เมื่อ รายได้ ที่ต้องกินต้องใช้กลายเป็นรายจ่ายในเรื่องพลังงานไปแล้ว  พวกเขาจะใช้ชีวิตให้กินอิ่มนอนอุ่น อย่างไร นี่เป็นเรื่องแรกที่ พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค เสนาบดีกระทรวงพลังงาน ต้องแก้ไขด่วน

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์