วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ 21 กันยายน 2566

รอบรั้วเมืองใต้ฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคมชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น

มิน่า ผู้ว่าฯสงขลา กำลังจะเลื่อนตำแหน่ง นายอำเภอ ก็กำลังจะหาที่ลงใหม่ ผู้ประกอบการร้านอาหารที่เปิดใช้ใบอนุญาตผิดประเภทย่านถนนธรรมนูญวิถี อ.หาดใหญ่ เขตคอหงส์ ที่อยู่ใกล้วัดและสถานศึกษา ก็ถือโอกาสเปิดยันสว่าง และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปใช้บริการ แถมบางแห่งปล่อยให้มีการเสพยาเสพติดด้วย  มิน่า ร้านอาหารใช้ใบอนุญาตผิดประเภท ถึงไม่เกรงกลัวใคร เปิดถึงสว่าง

ได้รัฐบาลใหม่แล้ว ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นคนที่ 30 แล้ว และทุกกระทรวง ก็ได้เสนาบดีครบถ้วน พร้อมทั้งมีการเข้าประจำการ เพื่อทำการขับเคลื่อน ภารกิจของแต่ละกระทรวงที่ได้รับมอบหมาย หรือเสนาบดีบางรายได้ตำแหน่งมาตามโควตา ที่เรียกว่า เสนาบดี ส้มหล่น ที่เมื่อเข้านั่งตำแหน่งเสนาบดี แล้ว ยังต้องใช้เวลาในการศึกษางาน ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ของการเมืองแบบวิถีไทย ที่ยังคงจมปลักดักดานกับเรื่องต่างตอบแทน อีกยาวนาน

แต่ก็ต้องชื่นชมนะ สำหรับ เศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ที่ใช้ความรวดเร็วยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม ในวรรณคดีไทย ในการประชุมสั่งการให้ ทำทันทีในหลายเรื่อง ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับปากท้อง และความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งเรื่องการลดราคาน้ำมัน การลดค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นไปตามที่ได้รับปากกับประชาชน ในตอนที่หาเสียง และแม้ว่าจะเป็นการลดราคาเพื่อให้เป็นตามสัญญาประชาคมที่ใช้การลดภาษีสรรพสามิตเพื่อให้ราคาน้ำมันถูกลงลิตรละ 2.50 บาทต่อลิตร ที่เป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับการบริหารประเทศที่ใครก็ทำได้ ดังนั้นในระยะยาวจึงต้องจับตามอง ว่ารัฐบาลนิด 1 จะดำเนินการในเรื่องของการลดราคาพลังงาน ที่เป็นรูปธรรม อย่างไร เพราะเรื่องของพลังงาน ต้องแก้ที่ต้นน้ำและกลางน้ำ ตั้งแต่ต้นทุนราคาน้ำมันดิบ จนถึงโรงกลั่น จนถึงโครงสร้างของภาษีที่ต้องมีทั้งมาตรการและมาตรฐาน ไม่ใช่ปล่อยให้ กลุ่มทุนพลังงาน เป็นผู้กำหนดและกระทรวงพลังงาน เห็นชอบโดยให้ประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์ ที่ต้องแบกรับความเดือดร้อน เพื่อให้กลุ่มทุนพลังงาน ได้กำไรปีละหมื่นล้านแสนล้าน อย่างที่มีการประกาศตัวเลขของผลกำไรในทุกปี

อีกเรื่องที่ต้องบอกว่ารัฐบาลนิด 1 ยังเกาไม่ถูกที่คัน เช่นการให้จ่ายเงินเดือนเป็นวีค คือเดือนละ 2 ครั้ง แบบเดียวกับโรงงานหลายแห่ง เพื่อให้ผู้มีเงินเดือน ไม่ต้องรอรับเงินเดือนในทุกสิ้นเดือน โดยที่กลางเดือน ต้องไป กู้หนี้ยืมสิน มาใช้ก่อนที่จะถึงวันเงินเดือนออก วิธีการคิดจะดูดี แต่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะสำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว ไม่ว่าจะมีการจ่ายในวันสิ้นเดือน หรือแบ่งจ่าย เดือนละ 2 ครั้ง ค่าที่ได้รับก็เท่ากัน คือไม่พอกินพอใช้ สิ่งที่มนุษย์เงินเดือน ส่วนหนึ่ง ที่เป็นระดับล่างเงินเดือนตั้งแต่ 15,000-20,000 บาท ต้องการไม่ใช่การจ่ายเงินเดือน 2 ครั้งต่อเดือน แต่ต้องการให้มีการขึ้นเงินเดือน หรือขึ้นค่าแรง เพื่อให้พอกินพอใช้ โดยไม่ต้องใช้ชีวิตที่อิงแอบอยู่กับดอกเบี้ยเงินกู้ อย่างที่เห็น

ส่วนมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่เดือดร้อน จะจ่ายเงินเดือน เดือนละกี่ครั้ง เขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะเขามีกินมีใช้ ไม่มีภาระของเงินกู้และดอกเบี้ยดังนั้นการที่รัฐบาลนิด 1 จะเกาให้ถูกที่คัน คือขึ้นค่าแรง และขึ้นเงินเดือน ให้กับกลุ่มผู้เดือดร้อน โดยเร็ว โดยการขึ้นค่าแรงเป็นขั้นบันไดโดยไม่ต้องรอขึ้นวันละ 600 บาทในปี 2570 อย่างที่หาเสียงเพื่อเป็นยาหอม ให้กับประชาชน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ที่ค่าแรงของประเทศไทย จะไปไกลถึงขนาดนั้น

เป็นเรื่องแปลกที่ถนนเพชรเกษม จาก บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จนถึง อ.สะเดา มีรถบรรทุก 10 ล้อ และ 22 ล้อ บางคันวิ่งเลนขวา ไม่เห็นจะมีเจ้าหน้าที่จับ ปล่อยให้วิ่งเลนขวาทุกๆวัน

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์